กรณีส่งของไปอเมริกาหรือต่างประเทศควรเลือกส่งแบบไหน

ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าทำให้การติดต่อสื่อสารเพื่อซื้อขายสินค้ามีความสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะการทำธุรกิจขายสินค้าในสื่อโซเชียลต่าง ๆ ซึ่งจัดเป็นการทำธุรกิจแบบ E-commerce อย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญในการซื้อขายสินค้านั่นคือ การได้รับสินค้า ซึ่งหากแค่จัดส่งให้ลูกค้าภายในประเทศก็คงไม่มีอะไรยุ่งยากมากนัก แต่กรณีลูกค้าผู้ซื้ออยู่ต่างประเทศ เชื่อได้ว่าการส่งของไปอเมริกาหรือต่างประเทศคงเป็นคำถามสำคัญของผู้ขายสินค้า ดังนั้น เพื่อความเข้าใจในขั้นตอนดังกล่าวจึงขอนำเสนอ วิธีส่งพัสดุไปต่างประเทศ เบื้องต้น ดังนี้

สำหรับการส่งสินค้าทางไปรษณีย์ กรณีเป็นผู้ค้าขายทั่วไป เบื้องต้นคงต้องเลือกประเภทรูปแบบการขนส่งก่อน ซึ่งมีอยู่ 3 รูปแบบหลัก คือ

  1. การขนส่งทางอากาศ (Airmail) ข้อดี ส่งถึงเร็วสุด ข้อเสีย ราคาแพงสุด
  2. การขนส่งแบบผสม หรือแบบพัสดุย่อย SAL (Surface Air Lifted) ข้อดี ส่งเร็ว ราคาไม่แพงมาก ข้อเสีย อาจเร็วไม่พอในสินค้าบางชนิด เช่น ของสดเสียง่าย หรือต้องการสินค้าด่วน
  3. การขนส่งแบบภาคพื้นดิน (Surface mail) ข้อดี ราคาถูกสุด ข้อเสีย ส่งถึงช้าสุด

จากนั้นเมื่อเลือกวิธีการขนส่งแล้ว สิ่งต่อไปที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องเอกสารการจัดส่ง โดยในกรณีส่งพัสดุด้วยระบบไปรษณีย์ มีเพียงการกรอกข้อมูลสำคัญลงใบ CN22 (Customs Declaration) คือ ใบระบุสินค้า เหตุผลการจัดส่ง รวมทั้งราคา ชื่อผู้ส่ง และผู้รับสินค้า อย่างไรก็ตามการส่งของไปอเมริกาหรือต่างประเทศจะต้องยินยอมให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรอาจสุ่มตรวจสิ่งของภายในได้

กรณีส่งของไปอเมริกาหรือต่างประเทศโดยผู้ประกอบธุรกิจเพื่อการส่งออก

  1. ในกรณีเป็นผู้ประกอบธุรกิจ การจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลย่อมเป็นเรื่องสำคัญในความน่าเชื่อถือสถานะบุคคล
  2. จดทะเบียนภาษีเป็นผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากการขายสินค้าหรือบริการ ย่อมต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งสิ้น
  3. จดทะเบียนเป็นผู้ส่งออกสินค้านั้น ๆ ในกรณีกฎหมายกำหนด เช่น การส่งผลไม้ไปต่างประเทศ ต้องจดทะเบียนกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น
  4. จัดทำเอกสารด้านงานศุลกากร ซึ่งประกอบด้วยใบสำคัญดังต่อไปนี้

4.1 ใบขนส่งสินค้าขาออก คือ ใบระบุข้อมูลสินค้าทั่วไป เช่น ชื่อผู้ส่ง ผู้รับ สินค้า วิธีการขนส่งสินค้า ราคาสินค้า รวมถึงเอกสารแนบ ใบกำกับสินค้าขนย้าย คือ ใบระบุต้นทางการขนย้าย เพื่อระบุที่มาการขนย้ายที่ผ่านมา

4.2 ใบราคาสินค้า (Invoice) คือ ใบแจ้งหนี้หรือใบกำกับสินค้า ทั้งนี้ราคาที่ระบุในเอกสารต่าง ๆ ต้องตรงตามเอกสาร invoice

4.3 ใบกำกับการบรรจุหีบห่อสินค้า (Packing list) คือ เอกสารที่ผู้ขายออกให้แก่ผู้ซื้อ แจ้งรายละเอียดทั่วไปเกี่ยวกับสินค้า เช่น ปริมาณน้ำหนัก วิธีการบรรจุ เป็นต้น

4.4 คำร้องขอให้ตรวจสินค้าและบรรจุตู้สินค้า คือ ใบร้องขอเพื่อให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรทำการตรวจสินค้านั้นว่าชอบด้วยกฎหมายสามารถส่งออกได้หรือไม่ ก่อนที่จะบรรจุสินค้านั้นเข้าตู้สินค้าเพื่อส่งออกต่อไป